0

หลากหลายความเชื่อเกี่ยวกับแมว

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลายบ้านมีไว้เลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา แต่ในทางความเชื่อโบราณแล้วแมวมีมากกว่าแค่คลายเหงาแต่จะเป็นอะไรบ้างนั้นมาดูพร้อมๆกันเลย

รก เป็นเครื่องสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิตในครรภ์แนบอยู่กับมดลูก มีสายต่อกับสะดือลูกอ่อน เฉพาะรกของแมวชาวล้านนาเชื่อว่าเป็นเครื่องรางนำโชค จึงนิยมเก็บรกไว้เพื่อประโยชน์ในทางค้าขาย ดังนั้นในขณะที่แมวจะออกลูก เจ้าของมักคอยจดจ้องที่จะเอารกแมวให้ได้

ทั้งนี้โบราณท่านว่า ถ้าจะให้ได้ผลต้องมีพิธีกรรมตามขั้นตอนก่อน กล่าวคือ อันดับแรก เมื่อแมวมีอาการเหมือนจะออกลูกให้เจ้าของจัดเตรียมสถานที่ โดยจัดหาผ้าที่อ่อนนุ่มไว้ในบริเวณที่มิดชิด และแม่แมวคิดว่าปลอดภัย เมื่อเห็นแมวพอใจซึ่งสังเกตง่าย ๆ คือ แม่แมวจะทดลองนอนและจัดที่เกิดให้เข้าที่ ณ เวลานั้นให้เจ้าของนำปลาปิ้ง ซึ่งนิยมใช้ปลาตะเพียนใส่ภาชนะ บอกกล่าวแม่แมวเพื่อเอ่ยขอว่า

“…เอ่อหนี้เน้อ นางวิฬา กูมีสะเพียนปล๋า มาแลกเอาฮก ป๊กเจ้าแม่ป๊ก ฮกนางวิฬา…”

จากนั้น เฝ้าจับตาทุกขณะ เพราะแมวมักกินรกเสมอเมื่อลูกออกมา และเมื่อรกออกให้กล่าวทักทายรกว่า

“…ฮกเหยฮก บ่ป๊กแต่น้ำ ป๊กเงินป๊กฅำ ป๊กกอบก๋ำเข้า โภคา ธะนัง หลั่งไหลหาเจ้า วิฬาป๊กเอา ก่อก๊ำ…”

เมื่อได้รกแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท พอถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ ให้นำมาเสกเป่าด้วยคาถาว่า

“พุทธ สัง มิ สัง สิ โม นา ธัมมะ สัง มิ โม นา สัง สิ สังฆะ สัง มิ สิ โม นา สัง พหุชะนานัง เอหิ จิตตัง เอหิ มะนุสสานัง เอหิ ลาภัง เอหิ สัพพะโภคัง ภะวันตุ เมฯ

เสกให้ครบ ๑๐๘ คาบ แล้วปิดทองให้ทั่ว เก็บไว้กับบ้านเรือนร้านค้า เชื่อว่าจะให้คุณทางเมตตามหานิยม ซื้อง่ายขายได้กำไร ประสบแต่โชคลาภอยู่เนือง ๆ

น้ำมนต์แมว
การบริโภคอาหารที่ปรุงจากปลา บางครั้งประสบปัญหาก้างติดคอ ทำให้ได้รับความทุกขเวทนา โบราณให้นำน้ำใส่ภาชนะไปวางเฉพาะหน้าแมว หากแมวกินน้ำหรือแม้กระทั่งดม ก็ถือได้ว่าน้ำนั้นเป็น “น้ำมนต์แมว” ให้นำไปให้คนที่ก้างติดคอดื่มกิน เชื่อกันว่าก้างจะหลุดไปกับน้ำนั้น เพราะโดยธรรมชาติของแมว มีความสามารถกินปลาเป็นพิเศษ ก้างจึงไม่ติดคอแมว

ก้างติดแมวเกา
มีอีกวิธีหนึ่ง กรณีที่ก้างติดคอ ท่านให้เอาเท้าหน้าของแมวลากผ่านลูกระเดือกเสมือนเอามือแมวมาเกา ก้างนั้นจะหลุดทันที

แมวซ่วยหน้า
อากัปกริยาของแมวอย่างหนึ่ง คือเอาเท้าหน้าข้างใดข้างหนึ่งปัดหน้า เหมือนมัน “ซ่วยหน้า” คือล้างหน้าตัวเอง ทายว่าไม่นานจะมีคนที่อยู่แดนไกลมาเยี่ยมเยือนเจ้าของบ้าน

แมววิ่งตัดหน้า
ขณะเดินทางไปไหนมาไหน หากมีแมวสีขาวหรือสีดำวิ่งตัดหน้ากะทันหัน ก็มีคำทำนายว่าจะดีหรือร้าย กล่าวคือ แมวขาววิ่งตัดหน้าจะได้รับข่าวดี แต่ถ้าแมวดำวิ่งตัดหน้าจะได้รับข่าวร้าย

แมวข้ามหล้อง
ในขณะที่ตั้งศพอยู่ที่บ้านหรือที่วัด ถ้ามีแมวสีดำกระโดดข้าม “หล้อง” คือโลงศพนั้น เชื่อว่าวิญญาณของคนที่ตายจะดุร้าย เที่ยวหลอกหลอนและทำร้ายผู้คนมากมาย

ฝันเห็นแมว
โบราณล้านนาเชื่อว่า ถ้าใครฝันเห็นแมวนั้นเป็นเรื่องไม่ค่อยดี จะขัดสนเงินทองทรัพย์สิน ญาติมิตรไม่ยินดีจะคบหาสมาคม มิหนำซ้ำยังพากันรังเกียจโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ

แห่นางแมว
ปีใดฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล โบราณจะมีพิธีแห่นางแมวเพื่อขอฝน โดยนำแมวตัวเมียมาแต่งหน้าทาปากนุ่งห่มเหมือนคนแล้วตั้งขบวนแห่แหนไปตามหมู่ บ้าน ผู้ชายที่ร่วมขบวนจะแต่งกายเป็นหญิงถือรูปอวัยวะเพศร่วมขบวน ส่วนคนที่พบเห็นจะสาดน้ำใส่กลุ่มผู้เข้าร่วมขบวน และรุมสาดน้ำใส่แมวอย่างคึกคะนอง ด้วยว่าการกระทำเช่นนี้ จะทำให้ฝนตก

ห้ามเลี้ยงแมวห้าตัว
ในตำราโบราณล้านนา กล่าวถึงสิ่งไม่ควรมีไว้กับบ้านเรือน ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวระบุจำนวนไว้ ดังนี้

เอ โก มหิงสโก ควายตัวเดียว ติ โคโณ วัวสามตัว เทฺว ภริยา เมียสองคน ฉะ สุนขา หมาหกตัว จุต ทาสา คนใช้สี่คน ปัญฺจ มัชชารี แมวห้าตัว สัตตะ อาชา ม้าเจ็ดตัว อัฏฐ กุญชรา ช้างแปดเชือก เทฺว อาวุธา ดาบสองเล่ม เทฺว จ เกสี หญิงมีช้องเสียบผมสองอัน

ดังนั้นชาวล้านนา จึงไม่นิยมเลี้ยงแมวห้าตัว เพราะเกรงจะเกิดอุบัติภัยกับคนในครอบครัวตามความเชื่อ

อ่านเพิ่มเติม

0

ความเชื่อเกี่ยวกับแมวดำ

….. คนไทยเชื่อถือกันว่าหากมีแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือแม้แต่มันเดินผ่านหน้าก็ถือว่าจะเป็นลางร้าย

ความผูกพันระหว่างคนกับแมวในลักษณะของความเชื่อมีมาแต่โบราณกาลแล้ว เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล แมวทุกตัวในสมัยนั้นรวมทั้งแมวดำจะได้รับการยกย่องมาก มีกฎคุ้มครองไม่ให้ผู้ใดทำร้ายหรือฆ่าแมว หากครอบครัวใดมีแมวตาย คนในครอบครัวนั้นจะเศร้าโศกมาก และสำหรับศพของมันไม่ว่าเจ้าของจะยากดีมีจนเพียงใดก็จะแต่งตัวให้แมวอย่าง สวยงาม ใช้ผ้าลินินเนื้อนุ่มห่อศพเอาไว้เหมือนมัมมี่แล้วเก็บในโลงที่ทำจากโลหะมี ค่าเช่น บรอนช์ หรือทำด้วยไม้ซึ่งเป็นของที่หายากมากในอียิปต์

เมื่อราว ๒,๐๐๐ ปี ก่อนมีข้อเขียนภาษาสันสกฤตพูดถึงบทบาทของแมวในสังคมอินเดีย ส่วนในจีนเมื่อราว ๕๐๐ ปีก่อนคริสตกาลมีหลักฐานว่าขงจื๊อเลี้ยงแมวตัวโปรดอยู่ตัวหนึ่ง ประมาณ ค.ศ. ๖๐๐ นักพยากรณ์ชื่อ มูฮะมัด ท่องบทสวดพร้อมกับอุ้มแมวไว้ด้วยและในช่วงเดียวกันนี้ชาวญี่ปุ่นก็เริ่ม เลี้ยงแมวในสถูปเจดีย์เพื่อรักษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนคนอียิปต์เมื่อเห็นแมวตกจากที่สูง ๆ แล้วไม่เป็นอะไรก็รู้สึกทึ่ง จึงเริ่มเชื่อกันว่าแมวมี ๙ ชีวิต อย่างไรก็ตามในระหว่างหลายศตวรรษนั้น หากแมวเดินผ่านหน้าใครก็ถือเป็นเรื่องโชคดีของคนนั้น

ความหวาดกลัวแมวโดยเฉพาะแมวดำเริ่มขึ้นที่ยุโรปในยุคกลาง ที่เห็นชัดเจนก็ในอังกฤษ

แมวมีนิสัยรักอิสระ ดื้อ ชอบขโมย และยังสามารถเพิ่มจำนวนพลเมืองแมวได้อย่างรวดเร็วตามเมืองใหญ่ ๆ ดังนั้นความงามสง่าของมันจึงดูลดน้อยลงในสายตาของผู้คน แมวที่พบเห็นอยู่ตามตรอกมักเลี้ยงกันในหมู่คนยากจนและหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมื่อความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เวทมนตร์ระบาดไปทั่วยุโรปหญิงชราไร้บ้าน เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเล่นไสยศาสตร์ และแมว (โดยเฉพาะแมวดำ) เพื่อนยากของพวกเธอก็ถูกมองว่าเป็นพวกแม่มดหมอผีไปด้วย

ที่ประเทศอังกฤษมีนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับแมวเรื่องหนึ่งสะท้อนความคิดของคน ในสมัยนั้นได้ดี เรื่องมีอยู่ว่าที่เมืองลินคอล์นไชร์ เมื่อทศวรรษ ๑๕๖๐-๑๕๖๙ ในคืนเดือนมืดคืนหนึ่งสองพ่อลูกเห็นสิ่งที่มีชีวิตขนาดเล็กเดินย่องผ่านหน้า พวกเขา ลอดเข้าไปในช่องเตี้ย ๆ ด้วยความกลัวจึงขว้างก้อนหินออกไป ก็ปรากฏว่ามีแมวดำบาดเจ็บโผล่ออกมา แล้วเดินกะเผลกไปบ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นบ้านของผู้หญิงที่คนทั้งเมืองสงสัยว่าเป็นแม่มด วันต่อมาพ่อลูกคู่นี้ก็พบหญิงคนนี้เดินอยู่ ใบหน้าของเธอมีแผลเป็นรอยถลอก และมีผ้าพันแขนเอาไว้ เวลาเดินขาก็กะเผลก ๆ จากวันนั้นเป็นต้นมาชาวเมืองลินคอล์นไชร์จึงพากันระแวงว่าแมวดำคือแม่มดที่ แปลงตัวมาในยามค่ำคืน

ปลายสมัยกลางมีหลายประเทศที่พยายามจะทำลายแมวให้สูญพันธุ์ เพราะโรคกลัวแม่มดระบาดไปทั่ว หญิงที่ไม่มีความผิดและสัตว์เลี้ยงน่าเอ็นดูที่ไม่มีพิษภัยถูกเผาตายเป็น จำนวนมาก แม้เด็กทารกที่เกิดมาแล้วมีดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าเจ้าเล่ห์เกินไปมีบุคลิกแก่แดดเกินไป ก็จะถูกสังเวยความกลัวนี้ เพราะเชื่อว่าแกมีวิญญาณสิงอยู่และจะเติบโตเป็นแม่มดหรือพ่อมดซึ่งกลายร่าง เป็นแมวดำในตอนกลางคืน ที่ฝรั่งเศส แต่ละเดือนแมวหลายพันตัวถูกเผา จนทศวรรษ ๑๖๓๐-๑๖๓๙ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๘ จึงทรงสั่งให้หยุดการกระทำอันน่าอดสูนี้

แม้แมวดำจะถูกฆ่าทิ้งไปเป็นจำนวนมากทั่วทั้งยุโรปเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่น่าแปลกที่พันธุกรรมของขนแมวสีดำกลับไม่เคยถูกลบเลือนไปจากเผ่าพันธุ์ของ มัน… หรือแมวจะมี ๙ ชีวิตจริง ๆ

“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”

ที่มา:http://blog.eduzones.com/poonpreecha/82382

0

เผย 9 ความลับเรื่องแมวที่คุณอาจไม่เคยรู้

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

แมว เป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าต่าง ๆ มากมาย และถูกเล่าต่อกันมาจนกลายเป็นความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อทางด้านศาสนา ประวัติศาสตร์ หรือนิสัยของแมวบางอย่างที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ หลาย ๆ คนอยากรู้ว่า สัตว์ที่ดูนิ่งเงียบ ลักษณะท่วงท่าการเดินที่สง่างามเหล่านี้ มีความลับอะไรที่เจ้าของอย่างเรา ๆ ยังไม่รู้อีกหรือไม่ วันนี้เราก็เลยนำความลับของแมวมาเปิดเผยกันค่ะ 

1. เชื่อว่าแมวจะขโมยลมหายใจของทารก

จริง ๆ แล้วแมวไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ กับทารกของคุณหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าพวกมันชอบหาที่อบอุ่น ๆ และสบาย ๆ นอน ซึ่งลมหายใจของทารกเป็นอุณหภูมิที่แมวต้องการพอดี ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้แมวชอบเข้าไปคลุกคลีกับทารกบ่อย ๆ เท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้คุณก็ไม่ควรให้แมวเข้าใกล้ทารกของคุณมากเกินไปเพราะเด็กอาจจะติดเชื้อโรค หรืออาจจะทำให้ทารกเกิดภูมิแพ้ได้

 2. เชื่อว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเลี้ยงแมว

จริง ๆ แล้วผู้หญิงที่ตั้งครรภ์นั้นไม่ควรสัมผัสตัวแมว หรือทำอะไรเกี่ยวกับแมวบ่อยนัก เพราะอาจจะทีโอกาสติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสจากแมวได้ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก ซึ่งหากทารกติดเชื้ออาจจะเกิดอาการสมองบวมน้ำ ประสาทตาอักเสบ หรืออารมณ์ผิดปกติ ฉะนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวแมว และของใช้ที่เกี่ยวกับแมวทั้งหมดดีกว่า

 3. เชื่อว่าแมวดำคือสัญลักษณ์ของความโชคร้าย 

จากผลการสำรวจผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ในปี 2000 พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสแมวขอสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมากกว่าแมวขนสีอ่อน ๆ ถึง 4 เท่า นั่นเป็นเพราะว่าตามผิวหนัง และในน้ำลายของพวกแมวขนสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมีสารสำคัญในการก่อภูมิแพ้ที่เรียกว่า Fel.d1 สะสมอยู่มากกว่าแมวขนสีอ่อน ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่าแมวดำจะความโชคร้ายมาให้นั่นเอง

 4. เชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิต 

ความเชื่อที่ว่าแมว มี 9 ชีวิตนั้นถูกเล่าขานเป็นตำนานกันออกไปต่าง ๆ นานาทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบยุโรป เอเชีย อเมริกา หรือแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศอียิปต์ที่นับถือว่า แมวเป็นตัวแทนของเทพเจ้าเลยทีเดียว เหตุที่ทำให้ผู้คนต่างคิดว่าแมวมี 9 ชีวิตอาจจะเนื่องมาจากว่า ลำตัวของแมวมีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้สามารถกระโดดจากที่สูงได้โดยไม่บาดเจ็บ และแมวก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยอยู่กับผู้คนเท่านั้นเอง

 5. เชื่อว่าแมวสามารถลงพื้นได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง 

ถึงแม้แมวจะมีร่างกายที่ยืดหยุ่นสูง แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะกระโดดลงจากที่สูงลงมาได้อย่างปลอดภัยเสมอไป เพราะแมวก็มีสิทธิ์พลาด และพลั้งเผลอตกลงมาได้เช่นกัน ดังนั้นในบางครั้งแมวก็มีโอกาสเกิดบาดแผล และเกิดอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน

 6. เชื่อว่าเสียงครางหมายถึงแมวกำลังมีความสุข 

เสียงครางเป็นเสียงแรกที่แมวสามารถทำได้ ตั้งแต่อายุน้อย เพราะในขณะนั้นพวกมันไม่สามารถทำเสียงสูง หรือเสียงต่ำได้ จึงทำให้คุณได้ยินเสียงครางบ่อย ๆ และเข้าใจว่าแมวกำลังมีความสุข ฉะนั้นเสียงครางจึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันกำลังมีความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะกำลังสื่อสารให้คุณรู้ว่าพวกมันกำลังป่วย หรือบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้

 7. เชื่อว่าแมวไม่ชอบน้ำ 

ก็ใช่ว่าแมวทุกตัวจะกลัว หรือไม่ชอบน้ำเสมอไปหรอกนะคะ เพราะแมวบางตัวก็ชอบเล่นน้ำเหมือนกัน อย่างเช่นแมวสายพันธุ์ เตอร์กิชแวน ที่รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาว่า “Swimming cat” เลยทีเดียว แต่ที่เราเห็นว่าแมวเลี้ยงส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใกล้จุดที่มีแหล่งน้ำสักเท่าไหร่ ก็เพราะแมวคิดว่ามันไม่คุ้มกับการที่จะต้องหาเรื่องทำให้ตัวเองเปียก เพื่อแลกกับปลาตัวเล็ก ๆ ในสระ ทั้ง ๆ ที่มีอาหารจานใหญ่รออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นเอง

 8. เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์หากินกลางคืน 

นั่นเป็นเพราะสายตาของแมวสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านแสงสว่างน้อย ๆ หรือความมืดในกลางคืนได้ดีกว่าแสงสว่างในตอนกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาโพล้เพล้ หรือใกล้ค่ำ จะเป็นเวลาที่เหมาะกับการล่าเหยื่อมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าแมวจะสามารถมองเห็นแม้ในที่มืดสนิทได้หรอกนะ

 9. เชื่อว่าแมวชอบความสันโดษ 

ถึงแม้แมวจะได้อยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่พวกมันก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน หรือบริเวณใกล้ ๆ กับแหล่งอาหารของพวกมันนั่นเอง โดยเฉพาะแมวเพศผู้ที่มีอายุประมาณ 18 เดือนขึ้นไป ก็จะออกไปหากินตัวเดียวมากกว่าแมวเพศเมีย ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้แมวที่คุณเลี้ยงหนีออกไปอยู่นอกบ้าน ก็ควรจะเลี้ยงแมวตั้งแต่พวกมันอายุ 8 – 10 เดือน และควรเลี้ยงสองตัวขึ้นไป ก็จะทำให้พวกมันมีนิสัยอยู่ติดบ้านมากกว่า เลี้ยงแมวมีอายุ หรือเลี้ยงแมวแค่เพียงตัวเดียว

หลังจากที่เรานำคำตอบมาเฉลยกันแล้ว ก็อุ่นใจขึ้นได้แล้วใช่ไหมคะว่าแมวเป็นแค่สัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ตาใส ๆ เท่านั้นไม่ได้มีพิษสง หรือซ่อนความลึกลับอะไรเอาไว้เลย ต่อไปหากกำลังคิดจะเลี้ยงสัตว์กัน ก็น่าจะมีแมวน่ารัก ๆ เอาไว้ที่บ้านสักตัวนะคะ

ที่มา:http://pet.kapook.com/view50345.html